Wednesday, December 24, 2014

019. spontaneous day with the girls



ปิด
เทอม

ล๊าววววววว~~~ <3

ปิดเทอมสุดท้ายในชีวิต :)
ปิดตั้งแต่ 13 ธค. ถึง 5 มค.
เป็น winter break สุดท้าย

จะทำแต่สิ่งที่ชอบ!
เที่ยว เที่ยว กิน กิน เขียนบล็อก อัดวีดีโอ
จะไม่บังคับอะไรตัวเองซักอย่างเลย!!!


เมื่อวันที่ 22 ก็นัดเจอสาวๆ
กิน late lunch (ป่าวหรอก พอดีตื่นสาย) ที่ Paul สวยๆ
แล้วก็ไปรอประอาทิตย์ตกที่ Amorosa













Wednesday, December 3, 2014

018. my new murakami book


วันนี้หลังสอบเสร็จก็ไปเดินเล่น kinokuniya ที่พาราก้อนกับเพื่อนในกลุ่ม
แล้วก็ต้องสะดุดตากับเจ้าสิ่งนี้:

After the morning exam, I took a stroll in Kinokuniya at Paragon, just as usual, with my friend
When I can across this beauty here:


The Strange Library, Haruki Murakami


เราจะยอมรับว่าเป็นฮิปสเตอร์ถ้าการเป็นฮิปสเตอร์คือการชอบอ่านมูราคามิ
เราชอบความรู้สึกโหวงๆหลังจากอ่านเสร็จ มันจะมีช่องว่างตึงๆอยู่ในใจ
และมันไม่สามารถเติมให้เต็มได้ ได้แต่ปล่อยให้มันว่างไปอย่างนั้น
(นี่คือหลังจากอ่าน Norwegian Wood กับ Sputnik Sweetheart เสร็จนะ)

I'd admit to being a hipster, if it means enjoying a Murakami book.
I like the void left inside me, post-book. There's an emptiness engraved.
And nothing could ever fill it up again, all I can do is leave it be.
(That's what I felt after finishing Norwegian Wood and Sputnik Sweetheart)


เป็นการนำเรื่องสั้นจากปี 2008 มารีปริ้นท์ในรูปเล่มใหม่
และออกแบบโดย Chip Kidd.
หนังสือพิมพ์ด้วยฟ้อนท์ Typewriter ทั้งเล่ม แทรกไปด้วยกราฟิกประกอบ สวยงามมาก


A re-edition of a novella from 2008, the book design was by Chip Kidd.
Typed in Typewriter font, filled with graphics inspired from vintage Japanese advertisements.




A lovely book to start reading what I want to read, 
after the excruciating week of final exams had ended.

ดีใจที่ได้อ่านอะไรที่อยากซักที
(หลังจากต้องอ่านอะไรที่ไม่อยากอ่านมานานนนนน)

Another version was released as well, and my friend Yuki bought it.
Will let you know how the other version is when she finished.




Sunday, November 23, 2014

017. vow





I love you.
I love you for everything that you are,
and for forgiving me for everything that I'm not.

I love you.
(Even) In silence, and in sorrow.
Endlessly, and effortlessly.

I love you.
And thank you, for every single smiles,
every little laughs that escaped our lips,
and the added sparks of colour.

I love you.
Even when you're not easy to love,
and when I'm not easy to love.

-----------------------

you are the sun, and the sea.

Friday, November 7, 2014

016. the love that last [02]


continue!!

จะพายอ้นความทรงจำไปกับ

[LOVE展] All You Need Is Love: From Chagal to Kusama to Hatsune Miku

อีกรอบนึงนะคะ :))

หลังจากเราออกจากโลกสีดำนั้นความรัก็ครอบงำเราเรียบร้อย
ความรักที่ว่าเนี่ย คือความรักในเอกซิบิชั่นนี้นะ ๕๕๕

หลังจากผ่านเซคชั่นแรกมาแล้ว ก็ไปยังเซคชั่นที่สอง
มีชื่อว่า A Couple in Love
ส่วนมากเป็นพวก painting, sculpture ของศิลปินดังๆ 
ที่งานนี้ยกให้เป็นที่โดดเด่น คืองานของ Chagall

ซึ่งเราขอโทษที่มันไม่ได้ประทับจิตเราในตอนนั้น ๕๕๕ 
พวกมาสเตอร์พีซของศิลปินฝีมือดี ถ้าไม่ได้ยืนพินิจพิจรณาอย่างถี่ถ้วน
ก็คงไม่สามารถจะวิจารณ์ได้
ในตอนนั้นเราเดินดูนิทรรศการด้วยความรีบร้อนนิดหน่อย เลยขอละเว้นผลงานดังๆไว้ละกันนะ

แต่ในห้องนั้นก็มีผนังหนึ่งซึ่งถูกใจเรานิดหน่อย
เป็นผลงานของ Chang En-Tzu

ภาพปักบนแคนวาสขนาดใหญ่ เลียนแบบเจ้าหญิงดิสนี่ย์
แต่สอดแทรกภาพที่เกี่ยวกับเซ็กซ์เข้าไป


ภาพนี้เอามาจากกูเกิ้ลนะ ๕๕๕

ดูแบบนี้นี่อย่างกับฝีมือพวกเด็กม.ต้นจอมทะลึ่งที่มือบอนว่าวาดรูปลามกบนประตูห้องน้ำเลย
แต่ตอนที่เราเดินเข้าไปและเห็นว่ามันเป็นภาพปักกับด้ายสีแดงเราตกใจมากๆเลยล่ะ ๕๕

ในตัวมันเองภาพนี้ก็พูดประเด็นได้หลายอย่างอยู่แล้ว แต่หลักๆก็คงเป็น myth เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
รวมไปถึงความคาดหวังในสถานะภาพของผู้หญิงด้วย

อีกจุดที่เราหยุดดูอยู่นานคือการแสดงภาพถ่ายของ Nan Goldin
ซึ่งเอามาจากซีรี่ย์ที่ชื่อว่า The Ballad of Sexual Dependency 


The Hug, New York City
1980



เราชอบความที่มันมีอะไรดิบๆ เถื่อนๆ แต่ก็อ่อนไหวในเซ็ตนี้อ่ะ 
อ่านมาว่า เป็นการแสดงความสัมพันธ์และความไม่เข้าใจกันในหมู่คู่รัก ครอบครัว และเพื่อน
ซึ่งเอามาจากชีวิตจริงและคนรอบๆตัวของช่างภาพ ในช่วงยุค 70s-80s 
มันกรันจ์จังเลยแก ๕๕๕ 

แน่นอนว่าพาร์ทที่ชื่อ A Couple in Love ย่อมเน้นถึงความรักของคู่รัก
และเราชอบที่นิทรรศการนี้ไม่ได้แค่เลือกเอาความหวานของคู่รัก แต่รวมความขมและเผ็ดร้อนเอาไว้ด้วย

พูดง่ายๆว่าระหว่างคนรักสองคน ย่อมไม่ได้มีแค่ความหวานหอม
ไม่ได้มีแค่ภาพการกอด การจูบ หรือการแสดงท่าทีโรแมนติกต่อกัน

แต่ระหว่างคนรักสองคนมีความรู้สึกมากมายอัดอยู่ในนั้น
ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้าใจกัน ความหึงหวง ความเจ็บปวด ความอิจฉา
เป็น physical and mental violence ที่มากับความสัมพันธ์แบบคนรัก
แน่นอนว่ารวมไปถึงเรื่องของเซ็กซ์และความสัมพันธ์ทางกาย

ในพาร์ทนี้ของงาน ผู้จัดสามารถรวบรวมผลงานที่ถ่ายทอดความหลากหลาย ความซับซ้อน และความไม่สมบูรณ์แบบของความรักระหว่างคู่รักได้
ซึ่งมันทำให้เราประทับใจมากๆ 

และการแนะนำถึงอารมณ์ที่ขมขื่นของความรักนี้เป็นการนำผู้ชมไปสู่เซคชั่นที่ 3:
Love in Losing 

มันมีห้องนึงที่เราประทับจิตมากอีกแล้ว ๕๕๕
สังเกตุว่าเราจะตื้นตันกับผลงานที่ interactive หน่อยๆ
เพราะเราโดนหลอกง่าย ๕๕๕๕ แบบ โดนดึงอารมณ์ร่วมได้ง่าย
ก็เลยชื่นชอบผลงานที่คนสร้างพยายามจะดึงผู้ชมเข้าไปร่วมด้วย

นี่เป็นผลงานของ Sophie Calle
มีชื่อว่า Take Care of Yourself  

I received an email telling me it was over.
I didn't know how to respond.
It was almost as if it hadn't been meant for me.
It ended with the words, "Take care of yourself."
And so I did.
I asked 107 women (including two made from wood and one with feathers),
chosen for their profession or skills, to interpret this letter.
To analyze it, comment on it, dance it, sing it.
Dissect it.  Exhaust it.  Understand it for me.
Answer for me.
It was a way of taking the time to break up.
A way of taking care of myself.

ฉันได้รับอีเมล์ส่งมาบอกว่า ระหว่างเรามันจบลงแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบมันอย่างไร
แทบจะเหมือนว่าข้อความนั้นไม่ได้เขียนมาให้ฉันด้วยซ้ำ
เขาทิ้งท้ายด้วยคำว่า "ดูแลตัวเองด้วยนะ"
ฉันก็เลยทำมัน
ฉันขอให้ผู้หญิงทั้งหมด 107 คน (รวมถึงสองคนที่ทำจากไม้ และอีกหนึ่งคนที่มีขนนก)
ให้ใช้อาชีพ, หรือความสามารถของพวกเธอ เพื่อตีความข้อความนี้
เพื่อวิเคราะห์มัน แสดงความคิดเห็น นำมันไปเต้นรำ ไปร้องเป็นเพลง
ชำแหละมัน ใช้มันให้หมด เข้าใจมันให้ฉันที
ตอบมันให้ฉันที
มันเป็นวิธีค่อยๆใช้เวลาเพื่อเลิกรา
เป็นวิธีที่ฉันดูแลตัวเอง

ห้องนั้นเต็มไปด้วยผลงานคนอื่นๆสร้างขึ้นมา หน้าห้องมีแจกก็อปปี้ของอีเมล์ฉบับนั้น
มีทั้งภาพถ่าย ทั้งวีดีโอ มีทั้ง contemporary dance ทั้ง essay วิเคราะห์จดหมาย
เป็นคอลเลคชั่นไร้ขอบเขต ที่ผู้หญิงกำลังทำความเข้าใจกับการบอกเลิก 

เราอ่านแล้วหน่วงมากๆ ๕๕๕ สามารถไปหาอ่านได้ในอินเตอร์เน็ต
ใจหนึ่งเราก็ประทับใจในการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเอาจุดจบของความรักมาสร้างเป็นผลงาน
และประทับใจที่ทุกส่วนของความรักสามารถดึงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากตัวมนุษย์ได้เสมอ

อีกงานที่ชะนีเฟมินิสต์ที่เรารู้จักทุกนางจะต้องเห็นแล้วกริ้ว
คือ video installation ของ Adel Abidin ชื่อ 52 Guaranteed Affection
สามารถหาดูได้ในกูเกิ้ล
ทีนี้ล่ะ เม้าท์กันเพลิน และด่ากันสนุกปากชัวร์ ๕๕๕๕
-------

ยิ่งเขียนยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ ๕๕๕๕ งานแต่ละงานนี่เขียนได้ 1 entry เลยนะเนี่ย
อย่างไรก็ตาม แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีก วันหลังนะคะ :) 


Saturday, November 1, 2014

015. the love that last [01]



เราตัดสินใจจะเขียนถึงสิ่งน้ี ที่เราไปมาเมื่อปีที่แล้ว

ปี 2013 เราไปญี่ปุ่นกับที่บริษัทแม่ เป็นทริปเล็กๆ
แล้วพอดี มีโอกาสได้ไป Mori Art Museum เพราะแม่เป็นแฟนเกิร์ลของ Kusama Yayoi
พอรู้ว่ามัน exhibition อันนี้ เลยตัดสินใจไปกันหมดทุกคน

เราไม่ได้รู้อะไรเรื่องงานนี้มาก่อน ไม่ได้ expect อะไรด้วย
เราไม่คิดเลยว่า เราจะเดินเข้าไปเจออะไรที่มันจะติดตัวเราไปขนาดนี้

หมายเหตุ: นี่เป็นเอนทรี่ย์จากความทรงจำ มันคงมีการบิดเบือน เพราะผ่านมาเกินปีนึงแล้ว อย่าไปใส่ใจ ๕๕๕ และ "รูปทั้งหมด เอามาจากกูเกิ้ล บางภาพอาจไม่ใช่ภาพผลงานจริง และขออนุญาตใช้ภาพไว้ ณ ที่นี้ด้วย"

คร่าวๆก่อนว่า Mori Art Museum ป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ที่รปปงงิ ฮิลส์ และปี 2013 ที่ผ่านมานี้ก็ครบรอบ 10 ปีพอดี ก็เลยมี exhibition พิเศษที่ชื่อว่า 

[LOVE展] All You Need Is Love: From Chagal to Kusama to Hatsune Miku


ตัวคอนเซปต์ของงานจะหยิบยกแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัยมา นั่นก็คือ 
"ความรัก" โดยจะพูดถึงทั้งความรักโรแมนติกระหว่างชายหญิง ความรักในครอบครัว และความรักต่อมนุษยชาติ รวมไปถึงอารมณ์ที่เกิดมาจากความรัก และเป็นการมองความรักในหลายๆแง่

ตัวงานจะแบ่งออกเป็น 5 ข้อย่อยด้วยกัน:
What Is Love? 
A Couple in Love
Love in Losing
Family and Love
Love Beyond

โดยรวมผลงานกว่า 200 ชิ้นของศิลปินมากมาย ทั้งผลงานคลาสสิกต่างๆจนถึงงานของศิลปินหน้าใหม่ 

เราจะขอพูดถึงแค่ผลงานที่มันประทับฝังอยู่ในจิตใจของเราละกันนะ

ห้องแรกที่เราเดินเข้าไป คือห้อง What is Love?
เราพบกับ sculpture ขนาดใหญ่ของ Jeff Koons เป็นรูปช็อกโกแล็ตหัวใจห่อในกระดาษฟอยล์สีทองตั้งอยู่กลางห้อง ชื่อผลงานว่า Sacred Heart
เป็นการพูดถึงความรักปัจจุบันที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสังคมทุนนิยม
เราจ้องผลงานชิ้นนั้น และในกระดาษฟอยล์สีทองจำลองนั้นเรามองเห็นแค่ใบหน้าของตัวเอง และไม่เห็นใจใดๆทั้งนั้น
เกิดคำถามกับตัวเองในตอนนั้นว่า หรือความจริงใจทุกวันนี้ต้องห่อไว้ด้วยกระดาษทองปิดไว้ไม่ให้ใครดูรึเปล่า เป็น conspicuous love รึเปล่า สะท้อนแต่สิ่งที่อยากให้เห็นไม่ใช่จิตใจข้างในจริงๆรึเปล่า?
(ขี้มโนสมเป็นเด็กอักษรรึเปล่า? ๕๕)





อีกด้านของห้องเป็นแคนวาสรูปหัวใจสีชมพูพาสเทลสดใส ประดับด้วยผีเสื้อ ผลงานของ Damien Hirst ซึ่งโดดเด่นด้านการสร้างผลงานที่มีธีมหลักเป็น "ความตาย"
มองไปก็เป็นภาพที่น่ารักสวยงาม แต่พอดูใกล้ๆแล้ว ผีเสื้อที่ติดอยู่บนแคนวาสนั้น คือผีเสื้อจริงๆไม่ใช่ภาพวาดหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่เคยมีชีวิต ดูเป็นความจริงที่โหดร้ายและทารุณ ว่าผีเสื้อต้องตายเพื่อแลกมาซึ่งงานศิลปะและความรัก

งานชิ้นนี้ถูกใจเรามากเป็นพิเศษจนต้องซื้อโปสการ์ดกลับมา เราไม่รู้ทำไมแต่เราถูกใจมากจริงๆ ทั้งโครงหัวใจ ทั้งเฉดสีของสีชมพู ความเป็นโศกนาฏกรรม และความตาย โปสการ์ดนี้ติดอยู่บนอาร์ตวอลล์ของห้องนอนเราทุกวันนี้ นายเจ๋งจริงๆ Damien Hirst

ถัดมานิดนึงเป็นผลงานของ Nishiyama Minako ที่เป็นแบบจำลองขนาดเท่าคนจริงของห้องนอนในบ้านตุ๊กตาริกะจัง และคำถามที่ว่าทำไมห้องนอนของบ้านตุ๊กตาที่เป็นของเล่นของเด็กผู้หญิงนั้น ถึงมีความคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออกกับ "เลิฟโฮเทล" ของญี่ปุ่นขนาดนี้?
หรือจะเป็น myth ที่แทรกไว้โดยไม่รู้ตัว ว่าด้วยเรื่องของความรัก เซ็กซ์ และบทบาทของผู้หญิงในสังคม

อีกอย่างที่มันตราตรึงใจเรามากที่สุดในงานนั้น ในวันนั้น ในทริปนั้น และแม้แต่ในตอนนี้
คือ งานของ Sawanayagi Hideyuki

เป็นห้องสี่เหลี่ยมมืดสนิท ให้เราเดินเข้าไป บนจอมีโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายวนไปวนมา
และบอกกับเราว่า "ในอีก 30 วินาที คุณจะถูกความรักครอบงำ"
ในโลกสีดำเล็กๆมีเพียงตัวหนังสือสีขาวตรงหน้าที่นับถอยหลังไปเรื่อยๆ
30..29...28... จนถึง
3..2..1..
ทันใดนั้น ก็มีแฟลชคำว่า LOVE ขึ้นกลางจอ เป็นสีขาวสว่างเพียงเสี้ยววินาทีเดียว



แต่พอเดินออกมาจากห้อง ด้วยปฏิกิริยาที่แสงทำกับดวงตา
ไม่ว่างจะมองไปทางไหน คำว่า LOVE ก็ยังฝังแน่นและแฝงตัว ติดอยู่ในตาเราไปหลายวินาที

เราคิดว่าเป็นการจำลองการตกหลุมรักที่ accurate มากที่สุดที่เราเคยเจอในชีวิต
ทุกวันนี้คำว่า LOVE สีขาวคำนั้นจากห้องสีดำนั้นก็ยังคงเป็นประสบการณ์ที่เราฝังใจมากที่สุดเลย


entry หน้าจะพาย้อนรอยอีกรอบในห้องอื่นๆต่อไปนะคะ  :)
ไว้เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ

Thursday, September 25, 2014

014. life update ANDDDD 20 Facts About ME tag!!



got this from my lovely Dory to do this tag that's been circling the web for a while
and before that let me just update my life a little,

you know what, I can't choose the language I'm supposed to blog in,
but just let me do an English blog update this once cuz she tagged me in English
plus i'm sure people have read the Thai version already from my instagram and Facebook
so yeah..
ENGLISHHHH



So...my final year as a Chulalongkorn U 'nisit' had started..
Senior year huh..
weird..
I guess it's true that nobody feels like they grow up.

I'm getting the feeling that this is the last chance for everything. And it kind of creeps me out. Honestly speaking I love this place, Arts Chula. I adored BALAC so much. And I DON'T WANT TO LEAVE, damn.

How could I leave, I still work on my homework right before class, still wakes up late because my cat decides to love me after my alarm clock rings, and I still sleep in class. AKA = I have not gotten any shit together.

Anyways, here goes my 20 Facts Tag
and since I've done the Thai version, these will be NEW INFORMATIONS, not translations.


1. I read most of my English textbooks in the toilet, while I poo.
2. My first two dogs are named Happy and Birthday.
3. I did not receive them as a birthday gift — it was the word that I liked as a five-year-old.
4. I can still sing most of Disney’s songs.
5. Sometimes I’m bored of my own bed and decides to sleep on the couch.
6. I cannot play sports. God just doesn’t want me to.
7. My car is my karaoke box.
8. I have a few girl crushes in my faculty, but I can’t name them because I’m too shy.
9. My dream pet = SNAKES. Particularly a ball python. But my maid threatens to leave if I ever brought a snake into the house.
10. I was born a month earlier than I’m supposed to because my mom was in a car accident while she was pregnant.
11. I do not have the talent of baking.
12. My hair is naturally curly AND I HATE IT.
13. I am SO GOOD at Mario Kart. CHALLENGE ME.
14. I’ve wanted to become a vet when I was in the first grade. Things changed.
15. I always feel guilty when I post too much statuses and shared too many links on Facebook, but I can’t stop.
16. Watched three seasons of My Little Pony at the age of 20. LOVE IT.
17. I watch Animal Planet more than MTV.
18. I got lost in the mall when I was about 4 years old.
19. I fall down and chipped my front teeth at the age of 6.
20. I like aquariums more than I should.



OKAY. So that was my entry! 
Next time I wish it would be fashion...




Tuesday, September 2, 2014

013. i promised i wouldn't blog about you



[oh, hi there.]

I promised to not blog about you
Or put your name or picture out on my blog.
So I wouldn't say who you are.

But we all know who you are.
Because there's only one of you.

...


the art is not mine
i found it...some time ago on pinterest i supposed.

but you, yes, you.
i like how mean you are.

i decided to write this in accordance with a question from a friend.
"mung ploi hai tua aeng chorb him kanard nun loey lor wa nia"
or translated as:
"do you really allow yourself to like him that much?"


the answer is of course,
yes.

i let myself fall,
as if i could control
whether or not the fall would happen.

they said the best kind is the one that you did not expect.



you have become my everything,

and once in a while
in the middle of the night,
i'd came up with some entry like this.

i have nothing but words
in no other language but English
but once in a while,
and this is not the first time,

it poured.




it was bittersweet
and afloating,
sometimes i feel like drowning
and that's why i love the sea metaphor surrounding you
there's nothing else that made me think of you
like the ocean

not the beach,
not the sand,

the ocean
the deep open water.



there are parts of you i can't stand
and i know most parts of me you couldn't as well,

but i like how we stick around,
bleeding.

i like how we're indifferent
but inseparable.

i like how we doesn't speak much,
but doesn't drift.

you did a hell lot of work
we did a hell lot of work.

i appreciate every moment of it.



it's toxic, probably.
but i don't mind.













Friday, August 1, 2014

012. {vlog#1} shoes organization (sort of?)



เฮ้ย ลองสื่อใหม่
เผื่อมาทางนี้รุ่ง ๕๕๕

วันนี้ขี้เกียจเขียนก็พูด
วันไหนขี้เกียจพูดก็เขียน

subscribe กันได้แต่ไม่การันตีว่าจะทำบ่อย ๕๕๕

ลองดู.

คนเราต้องลองทำอะไรใหม่ๆ..
เนอะ?


------


Wednesday, July 30, 2014

011. โดนลมพัดไปคนเดียว


๑.
ภริสไม่ชอบอยู่คนเดียว
ภริสไม่ชอบกินข้าวคนเดียวเกือบจะที่สุด
ภริสไม่ชอบช็อปปิ้งคนเดียว

อย่างเดียวที่ภริสชอบทำคนเดียว คืออ่านหนังสือ
และอีกอย่างที่ชอบ คือ "ดูหนัง"


๒.
อยากไปดูหนังคนเดียวมานานมาก
แต่เวลาออกไปคนเดียว
มักจะหมายถึงต้องกินข้าวคนเดียว
เดินฆ่าเวลาคนเดียว
อะไรๆเลยทำให้ไม่ได้ดูหนังคนเดียวซักที
ชอบซื้อดีวีดีมาดูคนเดียวตอนดึกๆแทน

๓.
เพิ่งกินข้าวคนเดียวเป็นเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
หรือจะบอกว่า กินข้าวกับมือถือ ก็ได้
เลยคิดว่าน่าจะถึงโอกาสดีที่จะได้ดูหนังคนเดียวซักที

๔.
คนที่ปกติดูหนังด้วยกัน
ต่อไปนี้ก็คงไม่ค่อยว่างไปดูด้วยกันเท่าไหร่
ก็เลยอยากดูหนังคนเดียวให้ชิน
เพราะเราก็ไม่ได้อยากไปดูหนังกับคนอื่นซะหน่อย
(ถ้าไม่ดูกับเธอก็ดูคนเดียวดีกว่าค่ะ)

๕.
The Wind Rises
by Hayao Miyazaki



๖.
คนที่ดูหนังด้วยกันบ่อยๆเป็นคนชอบ studio ghibli 
และไม่ยากเลยที่จะทำให้เราหลงรักไปด้วย
ชอบการเคลื่อนไหวที่อมลม
สีน้ำ
อิตาลี
ญี่ปุ่น
ความลึกลับ
และความสดใส

๗.
เราไม่ได้ดูหนังจิบลิเยอะมาก
แต่ก็รู้สึกถึงความหนักของเรื่องนี้
ไม่ได้แฟนตาซีและไม่ได้สดใสขนาดเรื่องอื่นๆ
แต่เหมือนแบกความเป็นจริงที่หนักอึ้งบางอย่างเอาไว้อยู่

๘.
"ไม่ได้ตั้งใจมาร้องไห้คนเดียว"

๙.

โฮริโคชิ จิโร่ที่สายตาสั้นเกินจะเป็นนักบินได้
ตัดสินใจจะเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องบิน
ตามอย่าง Caproni วิศวกรผู้ออกแบบเครื่องบินชาวอิตาเลี่ยน
และแม้รู้ว่าสุดท้ายจะถูกสาปให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารและอาวุธสงครามก็ตาม

เป็นหนังที่ใส่ใจกับการใส่ความรักและ passion ลงไป
เหมือนโดนลมประหลาดพัดขึ้นไปและปล่อยอยู่บนนั้น
ก่อนที่คนดูจะค่อยๆลอยลงมาจอดบนพื้นเหมือนเครื่องบินกระดาษ

นี่ไม่ใช่รีวิวหนัง
แต่เป็นการเล่าประสบการณ์
ที่ถูกลมพัดขณะดูหนังเรื่องนี้เฉยๆ



๑๐.
"ทั้งคุณและผมไม่เคยเห็นสายลม"

Wednesday, July 16, 2014

010. remember Lisa Frank?




#90s

ช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่เราได้ย้อนวัยเด็กกันบ่อยๆ
เพราะของจากยุค 90s กลับมาฮิตแบบสุดๆ

วันนี้เราขอพูดถึงของรักของหวงสมัยเราอยู่ ป. 3-5 หน่อย
ซึ่งก็คืออออออ

"ของทุกอย่างของ LISA FRANK"!! <3




OMGGGGGG
THIS WAS THE SHIT!!!!

แกกกกกกก คือเมื่อก่อนใครมีนี่เก๋มากจริงๆ

ป้าเราอยู่อเมริกา แล้วเค้าจะกลับมาทุกซัมเมอร์
แล้วเค้าก็จะหอบพวกของเล่นพวกเครื่องเขียนทุกอย่างที่สุดแสนจะ fabulous กลับมาให้เรา

ทุกวันนี้เราจำได้ดี
กลิ่นของกระเป๋าเดินทางใบยักษ์ที่เปิดออก
เป็น "กลิ่นอเมริกา"
ของเล่นเป็นกล่องๆๆ มาพร้อมกับขนมและชีสจากบ้านป้าเรา
คือเป็นช่วงเวลาวัยเด็กที่รอคอยมากกก

-----------

เนื่องว่าเราเห็นว่าเทรนด์ 90s มันอิน
เราก็เลยอยากจับสิ่งที่สำหรับเรามันคือ 90s ปลายๆ
ซึ่งก็คือ Lisa Frank เนี่ยแหละ ๕๕๕

เราใช้แฟ้มลายนี้นานมากกกกกกกกกก


i swear you guys have never seen such RAINBOWS.

แล้วเราเป็นคนชอบเครื่องเขียนมาตั้งแต่เด็ก
ไม่อยากจะบอกว่าทุกวันนี้เรายังเก็บไดอารี่ที่เป็นของ Lisa Frank ไว้อยู่
และมี 2 เล่ม ซึ่งเป็นลายนี้


และอีกเล่มเป็นลายนี้


แล้วประเด็นที่เด็ดคือ เราเคยมีกล่องนี้เว้ยแกๆๆ

แต่เป็นทรงนี้ๆๆ





ที่เด็ดคือไรรู้ป่ะ
คือทั้งกล่องมันระบายสีได้
ใช่! และมันมาพร้อมเมจิกหลากสีแบบนั้นแหละ
พร้อมทั้งหนังสือ การ์ด สติกเกอร์ เซ็ทจดหมาย รวมถึงลูกปัดและเชือกสีรุ้้งด้วย

แก แก แก
คือตอนนั้นเราฟินมากกกกก
เราได้ไอเท็มที่เด็ดที่สุดในสามโลกกก คือเก๋ที่สุดในห้องแล้วตอนนั้น
หรือคนอื่นเค้าไม่คิดว่าเราเก๋วะแก? ๕๕๕๕๕

----------------

ยังไงก็ตาม การที่เราเห็นอะไรยูนิคอร์นสีสดแสบ
แบบที่กำลังค่อนข้างจะฮิตกันตอนเนี้ย
ทำให้เราคิดถึงช่วงเวลาสมัยนั้นมากๆเลย ๕๕๕๕

มีใครเคยมีของ Lisa Frank เหมือนกันมั้ย??

Have you had the Lisa Frank moments???

มาคุยกันได้นะ ๕๕

-------

Remember what made you happy as a kid?

introducing: Whatever The Name.




สวัสดีทุกคน :)

เพื่อนๆบางคนอาจจะเห็นเราใน facebook มาบ้าง
ว่ากำลังทำเพจใหม่อยู่
วันนี้เราจะมาชี้แจงว่ามันคืออัลไล?

"Whatever The Name"

เป็นเพจที่เราทำขึ้นมา
เพื่อรวบรวมเพื่อนๆบล็อกเกอร์หลายๆคน
ที่เราคิดว่านางเขียนอะไรได้น่าสนใจ

หลักๆจะเป็นเรื่อง fashion,
street style,
films & books review,
travel,
etc.

ก็ไลฟ์สไตล์หรือเรื่องบอกเล่าอะไรทั่วไปนั่นแหละ


โดยที่บล็อกเกอร์แต่ละคนที่เราไปลากมาร่วมโปรเจ็คนั้น
ก็จะเขียนเรื่องราวของตัวเอง ในบล็อกของตัวเอง
แต่ว่าคอนเท็นต์ในบล็อกนั้น
ก็จะนำมาลงเพจของ Whatever The Name ด้วยเหมือนกัน


ด้วยความที่มีบล็อกเกอร์จำนวนพอสมควร
และทิศทางของสิ่งที่เขียนก็กว้าง
คิดว่าน่าจะทำให้เพื่อนๆหรือ follower ที่ตามอ่าน
ได้รับสารอาหารหลายๆแบบนะคะ :)









เราเห็นบล็อกเกอร์หลายคนที่ชอบเขียน
ชอบถ่ายรูป
ชอบดูหนังฟังเพลงเหมือนเรา
และอยากมีพื้นที่ อยากพรีเซนท์ให้คนอ่าน
และเราเองก็ชอบที่จะอ่านเรื่องของทุกคนเหมือนกัน

บางที สเตตัส มันก็ไม่พอที่จะสื่อตัวความรู้สึกเราได้.
มาเขียนบล็อกกันดีกว่าเนอะ :)

สำหรับใครที่สนใจ เชิญได้นะคะ

WHATEVER THE NAME >> facebook page.


ใครอยากเป็นหนึ่งในทีม
สนใจอยากเดินไปด้วยกัน
ส่ง blog มาให้เราดูได้นะ
:)

Wednesday, July 2, 2014

009. {ig shopping #2}

กลับมาอีกครั้งแล้วนะครัช
กับ "แพริสพาช้อปในไอจี" ฮ่า ฮ่า ฮ่า (นี่คือตั้งชื่อหรอ? ๕๕๕)

วันนี้มีสองร้านพิเศษที่เป็นของรุ่นพี่ที่คณะมาแนะนำด้วยแหละ
และอีกสามร้านเป็นร้านแนวสุดจะ สะ-แว๊ก ที่แพริสชื่นชอบนะครัช

--
ขออนุญาตลงรูปที่แคปมาจาก instagram ของแต่ละร้านด้วยนะคะ
--




1. @youngbrokeclub

ร้านนี้แซ่บมาก คือน่ารักสุดดดดด
ที่ recommend คือ เสื้อยืดกับเข็มกลัดดดด
คือน่ารักกกก จริงๆ








เข็มกลัดแซ่บๆแบบนี้คือซื้อไปทำอะไรๆได้เยอะมากกก
เมื่อก่อนเราก็สะสมพวกเข็มกลัดที่มากับซีดีหรือพวกลายกวนตีนๆ
แล้วก็เอามาติดเต็มกระเป๋าไปหมดเลย

นี่ตอกย้ำความเป็น 90s กับความฟรุ้งฟริ้งในวัยเด็กมากเลยนะ
ถุงผ้าก็น่ารัก แต่ที่สำคัญคือเสื้อยืดคิ้วท์มากกกก
เชิญชมได้ใน ig: @youngbrokeclub นะครัชชช


----------------

2. @__mariixs

ร้านนี้แป๋วแหววเข้ากับอะไรก็ตามที่ซื้อมาจาก @theholymountainshop มากกก
และที่ชอบก็คือกระเป๋าแฮนด์เมด แต่ละอันก็ปักมือ
เป็นที่อะเมซในสายตาคนทำงานฝีมือไม่เป็นอย่างเรามาก ๕๕๕๕









คือก่อนอื่นจะบอกว่า
บ้าพวกสร้อยคอ rosary แบบนี้ขั้นสุด ไม่อยากบอกว่ามีประมาณ 57 อัน หลากสีมาก
และกระเป๋าฟรุ้งฟริ้งน่ารักแฮนด์เมดนี่ก็คิ้วท์เหลือเกิน

เราไม่รู้ว่าสั่งปักได้รึเปล่า แต่ถ้าสั่งได้นี่คือฟินที่สุด ๕๕๕๕
ที่ชอบคืออยากเอาไปแมตช์กับอะไรที่ดูวินเทจๆ
ถูกใจอะไรยังไงก็ตามได้ที่ ig: @__mariixs (อันเดอร์สกอร์สองอันนะครัช)


------------------

3. @swaggystore

อันนี้ก็เป็นร้านเสื้อยืดแซ่บสไตล์ tumblr girls 90s มากกกก
สาวๆน่าจะชอบนะ เสื้อยืดลายคิ้วท์เอาไปทำไรได้หลายอย่าง








โคตร recommend คืออันที่ maleficent ถ่าย selfie กับ Evil Queen
จะเป็นลมมมมมมมมมมมมมมม ชอบบมากกกกกกกก
มีลายน่ารักๆที่ดูเนิร์ดดี้อินเตอร์เน็ทเกิร์ลเยอะมากกก
คือทัมเบลอร์สุดๆแบบไปตายยย

อยากจะบอกว่าเราเป็นคนมีเสื้อยืดเยอะสุดโลก
และชอบเอาไปตัด ๕๕๕
ตัดให้เป็นแขนกุด เป็นครอปท็อป เสื้อยืดนี่ใส่ได้กะทุกอย่างบนโลก
(ตอนนี้ต้องเพลาๆลงหน่อย​ ๕๕๕)

แวะชมได้ที่ ig: @swaggystore เลยจ้าาา

------------------

4. @porprabags

กระเป๋าพลาสติก เมดบายรุ่นพี่ที่อักษรของเราเองงง
ของดี ของสวย ของน่ารัก
เราเองก็มีหนึ่งใบ อิอิ










ที่เรคคอมเมนด์คือกระเป๋าใสกับด้ายขาว
คือเราเลือกสีพลาสติกและสีด้ายเองได้
ราคาน่ารัก ทำเป็นทรง satchel ก็เก๋
แต่จะเก๋กว่าถ้าเป็รทรงกระเป๋าทำงาน 
เป็นคลัทช์ก็น่ารัก

มีพลาสติกหลายสีเลือกได้ตามใจชอบ
ร้านนี้เป็นของรุ่นพี่ที่อักษร แต่ตอนนี้นางเพิ่งกลับมาจากมิลาน
หลังจากไปเรียนดีไซน์มา
เพราะงั้นก็ตามอุดหนุนกันได้น้าา

ig: @porprabags


---------------

5. @sstudio_c

นี่ก็ร้านสุดฮิตของรุ่นพี่อักษรอีกคน
โดดเด่นที่นางแบบ ๕๕๕ งามแงะทุกท่านจีๆ
เป็นพีซเรียบๆมิกซ์ง่ายขายดี










ร้านนี้เป็รที่รู้กันว่างามในหมู่สาวอักษรนะฮะ ๕๕
ที่ recommend นอกจากชุดสูท/เวส์ตที่ดู statement สีสวยแล้ว
ก็มีชุดขาวดำที่เห็นข้างบนเนี่ยแหละ
ผ้าสวย ลายก็น่ารัก
สำหรับคนที่ชอบ set up น่ารักๆนี่เหมาะเลย

อีกอย่างคือกระเป๋าผ้า อันนี้เราชอบเพราะสีสวย เนื้อผ้าก็น่ารัก
ที่ขาดไม่ได้คือกางเกง
เป็นชิ้นเบสิกที่แนะนำให่้มีติดตู้ไว้เลยนะ
กางเกงผ้าทรงใส่สบาย
สีก็สวย มิกซ์ง่าย งามอ่ะขอบอก

อวยนางแบบ ๕๕๕ มีทั้งรุ่นพี่ เพื่อน รุ่นน้อง และพี่รหัส
เจ้าของร้านก็เป็นรุ่นพี่อีกตะหาก
อุดหนุนร้านสวยๆของสาวอักษรสวยๆด้วยน้าา

ig: @sstudio_c

--------

จะมาอัพอย่างอื่นสลับกันไปมากับโปรโมตร้านนี้
คือจริงๆเราไม่ได้ตั้งใจจะโปรโมตอะไรขนาดนั้น
เราแค่เลือกร้านที่เราชอบมาบอกต่อเท่านั้นเอง ๕๕๕๕
เพราะงั้น จะฝากร้านก็ไม่ได้แปลว่าเราจะโปรโมตให้น้าา
แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่ตามมาฟอลโล่ว์อินสตาแกรมเราด้วยนะคะ  :)

<3

see you next time <3