Monday, April 18, 2016

025. 痛バッグ

ว่าด้วยเรื่อง Ita Bag.


อิตะแบ็ก หรือ  痛バッグ แปลตรงตัวว่า "กระเป๋า(ที่เห็นแล้ว)เจ็บปวด" มันคือกระเป๋าที่ติดคาแร็คเตอร์อนิเมที่เธอรักไว้เต็มๆๆๆลึ่มๆๆๆเพื่อพกศาลบูชาเหล่านี้ไปไหนมาไหนก็ได้

(cr. kotaku.com)


ความกี๊คมันก็มีอยู่ทุกที่แหละแก ก่อนหน้านี้ก็มี Itasha หรือ "รถเจ็บปวด" คือแกแต่งรถแกให้เต็มไปด้วยคาแร็คเตอร์ที่ชอบ แบบว่าเห็นแล้วอิไต๊สุดๆ อิไต๊ทั้งเวลาเห็น แล้วก็อิไต๊ที่กระเป๋าตังค์เจ้าของด้วยค่าา

cr. http://blog.omy.sg/
แกชั้นไม่คิดว่าจะมีอะไรที่แบบ....เห็นแล้วอิไต๊ขนาดนี้อีกละ

(เห้ยแกคำว่าอิไต๊มันไม่ได้ทะลึ่งนะ มันสามารถพูดได้เวลาเห็นอะไรที่แบบ โอ้โหมันแสนเสร่อจนปวดตับ หรืออะไรงี้) 

เอาจริงๆรถทัวร์บ้านเราก็อิไต๊ได้โล่อยู่นะ ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรเลย เจ็บแล้วชินไปเองว่างั้นเหอะ

ส่วน ita bag ของสาวๆ ส่วนมากก็จะติดคาแร็คเตอร์หนุ่มๆ ไม่ว่าจะหนุ่มดาบ แฝดหก อุตะปริ๊นซ์ หรือคุโรโกะ อ่ะ มีรูปมาให้ชม.

https://twitter.com/ArseyThorndick/status/541406349993582592
 :

(boards.4chan.org)



แล้วมันไม่ใช่อะไรแบบ niche market เลยนะแก มันแมสม๊ากกกกก แมสจนมีงานประกวด ita bag แม้แต่ที่ไทยก็เพิ่งมีประกวดมาที่ร้าน animate แล้วเราก็คิดว่า เห้ย ไอ่เจ้าวัฒนธรรมอิไต๊ๆแบบนี้ จริงๆมันมีไปทั่วโลกเลยนะ มีมานานแล้วด้วย

ใครจะสมัยม.ต้นม.ปลายยุคติ่งเกาหลีแรกๆได้ป่าว อารมณ์สมัย SJ มี 12 คน หรือดงบังมี 5 คน หรือ SS501 อะไรแบบนี้อ่ะ (โอ๊ยย รู้อายุ)  ตอนนั้นมีสินค้าติ่งที่แบบฮิตมากกก คือพวงกุญแจที่ห้อยรูปหน้าเมนแกอ่ะ แล้วมันไม่ได้ห้อยแบบหน้าเดียวนาเว้ย มันห้อยแบบ โหยยยยย เป็นองุ่นอ่ะ พวงละสิบๆหน้า บางคนห้อยทีละสิบพวง อิไต๊ยยยย อิไต๊ยเหลือเกินนนนน

dek-d.com


ติ่งฝรั่งก็ใช่ย่อย สมัยก่อนสาวๆก็จะชอบตัดรูปดาราที่ชอบออกมาจากแม็กกาซีนแล้วคอลลาจกันเป็นปกโน้ตอะไรแบบนี้ เห้ยคือวัฒนธรรมติ่งมันแบบ ฝังรากลึกยั่งยืนมากกกก

แวะช็อปได้ที่ : REDBUBBLE.COM


สุดท้ายนี้ animate สาขาไทย ที่ MBK ชั้น 7 มี อิตะแบ็ค เปล่าๆขาย เหล่าติ่ง ใครสนใจก็แวะไปจับจองกันได้นะจ๊ะ ทำแล้วขอดูหน่อยดิ เราช๊อบชอบ

ไหนใครมีอะไร อิไต๊ๆ มาแชร์กันเรื่องความติ่งของตัวเอง ขอดูหน่อยๆๆ

Wednesday, December 9, 2015

024. potential





I saw this on ROOKIE Mag as the theme for December.

"POTENTIAL"

So basically this is going to be a little rant. Along with my status as a fresh college graduate with nothing better to do than be on Youtube til 4AM and woke up around 3PM to cook breakfast-slash-dinner for myself.

Isn't it a little weird, potential.

When somebody said, "You've got a potential", what does it really mean anyway?

Back in high school (it was YEARS ago) when we're about to graduate, on the back pages of the yearbook, there used to be a page dedicated to the seniors about their potential. 

"Most likely to be a star" award, or "Most likely to be successful" awards, those kinds of things. But these "positions" are assigned to students through votes of other students and the yearbook staffs. In other words, from "someone else's" point of view.

Now I can say this because high school was long over, and the guy voted as 'most likely to be a star' wasn't anywhere near the screen, while the only person closest to stardom is not even on the list of top 3. 

A guy in my batch made millions per month, but he wasn't even mentioned back in high school. 

So those potentials we've collected and shown others during our high school days aren't exactly accurate. People misjudged our potential, overestimated it, underestimated it.

Leaving high school, going into college, those times as a student, those are the times that I felt are bursting with potential. You're just so excited of what you COULD become. 

But once they're all over, you're not so sure whether or not what you've accomplished in the years as a student is enough. 

Pushed into the working field without being ready for it.
Expected to earn big salaries without being ready for it.
Most importantly, not living up to the potentials that others have thought for you.

How do you still have self-respect after that.

-----------------------


I missed my student days because of the potentials I've pent up like a little ball inside myself. Without having to face the reality of whether or not I'm living up to it because, well, I'm just a kid.

Potential feels like a goal. A better version of me is waiting over there. Perfect and unachievable. 

Nostalgic feels like a loser because I'm not brave enough to face the fact that I'm disappointing my 14-year-old self. 

But potential doesn't stop when you graduated. Potential goes on in life. Some think it's a blessing, other times it feels heavy like a curse, burden with 'Expectations' and mixed with bittersweet 'Hope'.

----------------------

Wednesday, October 21, 2015

023. my favorite instagram



ทุกคนเล่น instagram ก็คง follow คนหลายๆแบบจากหลายๆชาติทั่วโลกเนอะ
เราเองก็ชอบ follow แอคเค้าท์ต่างๆกันไปเหมือนกัน
นอกจากเพื่อนๆก็พวกไอจีสวยๆงามๆ ไอดอลต่างชาติ นักวาดที่ชอบ ร้านค้าต่างๆ

เราอะชอบสไตล์ญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่นกับพวกของทำมือ
เพราะงั้นเราจะขอแนะนำ account สัญชาติญี่ปุ่นทั้งหมด 6 อันที่เราตามอยู่นะ



IG: @warico
เป็น artist ชาวญี่ปุ่นที่แกะสลักยางลบ
แล้วแต่ละอย่างที่แกะออกมาคือสวยมากกกกก วาดเส้นสวยมากกก
แค่ดูก็เพลินแล้ว อยากสั่งเก็บไว้ที่บ้านทุกลายเลยจริงๆ


IG: @drop_tokyo
อันนี้เป็นเพจแฟชั่นของญี่ปุ่น คิดว่าคนไทยเองก็คงฟอลล์กันเยอะอยู่ 
เป็นเว็บแม็กกาซีนสัญชาติญี่ปุ่นที่ snap street style ของชาวญี่ปุ่นกัน 
อันนี้ดูแทบทุกวันเลยเพื่อคิดว่าวันนี้จะแต่งตัวยังไงดี
เดี๋ยวนี้อยู่ไทยก็แต่งเยอะได้ไม่ต่างกับอยู่ต่างประเทศหรอก แค่มันไม่หนาว ๕๕๕


IG: @bubblestokyo
เป็นร้านเสื้อผ้าที่ชิบุยะ มีแต่ของฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งน่ารักเต็มมมมไปหมด
สไตล์แบบ tumblr girl หน่อยๆ แต่ยังมีความเป็นญี่ปุ่นอยู่ 
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีของฟรุ่งฟริ้งจากร้านที่ไทยไปวางขายด้วย เช่ยพวกเคสไอโฟนขนๆอะไรงี้
นี่เป็นหนึ่งในร้านแบบที่เราอยากจะมีซักวันในอนาคต ๕๕๕ คือขายของฟริ้งๆจากทั่วโลก
กำลังซื้อของฟริ้งๆของโตเกียวนี่สุดยอดไปเลยเนอะ


IG: @reerosee
เป็น illustrator ชาวญี่ปุ่นที่เราชอบมากกกกกก
เส้นงานจะเบาๆ สีไม้สีน้ำ เหมือนตุ๊กตากระดาษ
คนนี้วาดประกอบนิตยสารแฟชั่นญี่ปุ่นหลายเล่มเลย
ที่เราชอบคือเซ็ตแฟชั่นที่มาจากหนังยุค 60s เช่นของ Godard
ดูแล้วรู้สึกเบาสบาย ๕๕๕


IG: @moyoco_anno
เป็นนักวาดมังงะที่เราชอบมากกกก ผลงานที่ดังในไทยคือ Sugar Sugar Rune (แต่เราไม่ได้อ่านนะ)
ทั้งไอจีจะมีแต่ภาพลายเส้นแบบนี้ สะอาดตามากๆ ดูยังไงก็ชอบ
ถึงเรื่อง SSR เราจะไม่อ่านเพราะเนื้อเรื่องไม่ใช่แนวเรา แต่งานของอ.คนนี้เรื่องอื่นที่ดาร์กกว่าก็ดีมากเลย
ตามหาอ่านได้ในเน็ตนะ ในไทยหาไม่เจอเลย ฮืออ


IG: @tomoconozaki 
เราเจอนางใน ig ของ NYLON Japan แล้วเกิดอาการรักแรกพบเลย
น่ารักโคตรๆๆ เราไม่แน่ใจว่าดังแค่ไหนชื่อเสียงเป็นยังไงที่ญี่ปุ่น
แต่เราชอบมากเลย ไม่ได้หวานขนาด Tina Tamashiro ยังดูแนวๆ แมนๆ ผมก็สวย ตาก็น่ารัก
ถ้าไงก็ช่วยติดตามนางด้วยนะคะ ชอบนาง ๕๕๕



-------

ทุกคนตอนนี้ติด instagram แบบไหนกัน บอกกันด้วยน้า :D <3




Monday, August 31, 2015

022. whateveryouwear as NISIT. (part 2)



กลับมาล้าา
มีปัญหากับการพยายามหารูปและการมิกซ์ชุดนิสิต
แบบอะไร้มันจะ controversial ขนาดนี้ :( เพลียยยยย
ก็เลยจะมาพูดถึง ชุดครุยรับปริญญา

เห้ย แต่อันนี้เอาจริงแบบ ยิ่งกว่าชุดนิสิต ๕๕๕๕๕๕๕
เพราะเป็นชุดพิธีการ คอนเซอร์เวทีฟหนักมากกกก
แต่อันนี้เป็นเช็คลิสต์ส่วนตัวสำหรับเราก็แล้วกันเนอะ ๕๕



ก็ ช่วงฤดูรับปริญญาก็ใกล้เข้ามาละ
สาวๆว่าที่บัณฑิตทุกคน ก็ตื่นเต้น รีบจองช่างภาพ ช่างหน้า ช่างผมกันใหญ่
เราจะมาบอกพ้อยท์เตรียมตัวเล็กๆน้อยๆแชร์กันน้าา :D

1. ชุดครุย.



เพื่อนๆหลายคนมีปัญหามากว่าชุดครุยช้า ไม่ตรงสี บลาๆๆ
เราว่าที่ง่ายยยที่สุดคือต้องไปแนวเมนสตรีม คือวันที่เค้ามาวัดที่คณะอ่ะ แกไปวัดเลย
ทีนี้มันจะมี เช่า, เช่าตัด, ตัด
ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ตัดๆไปเถอะ เพราะเราเองก็อยากมีเก็บเอาไว้ สวยดี
แต่ถ้าเช่าตัดก็ต้องเอาไปคืน สำหรับเรามันยุ่งยาก เดี๋ยวอดนอกรอบอีก บลาๆๆ
ก็มหกรรมถ่ายรูปเนอะ ๕๕ เพราะงั้นก็รีบๆไปทำชุดครุยให้เสร็จซะ~~

ทีนี้ พูดถึงชุดข้างในนะ
ผู้ชายเป็นชุดสีขาวราชปะแตน อันนี้ไม่รู้ว่าหนุ่มๆเค้ายังไงกัน
แต่สำหรับสาวๆ ไปซื้อที่ร้านชุดครุยเลยน่าจะเวิร์กสุด โดยเฉพาะเสื้อ

เสื้อนิสิตธรรมดาๆกับเสื้อชุดครุยไม่เหมือนกันนะคะ!! 
แขนเสื้อความยาวจะไม่เท่ากัน ปกก็ต่างกันนิดหน่อย
เพราะงั้นลองหาที่พอดีๆ ไม่ปริ เพราะแกจะถ่ายรูปเยอะมากนะเว้ย
ปริๆเห็นเสื้อในคือไม่ได้เลยนะ น่าเกลียดมากกก เลือกไซส์ดีๆ ใหญ่ๆพอดีๆนะ

ส่วนกระโปรงพิธีการ เป็นสีกรมท่า ยาวเท่าเข่า ผ่าหลัง
แกเลือกที่เรียบร้อยๆเลย มีผ้ายืดกับผ้าแข็งๆ
เราซื้อผ้าแข็งมาแต่ว่าจะเปลี่ยนเป็นผ้ายืดละ ๕๕๕๕
แต่เวลาใส่ต้องระวังอย่าให้มันร่นขึ้นมานะ
วันรับต้องใส่ถุงน่องด้วยนะคะอย่าลืม


ส่วน รองเท้า.
เป็นรองเท้าสีดำมีส้นหัวปิด เค้าไม่ได้บอกว่ากี่นิ้วหรือส้นหนาเท่าไหร่
แต่แกก็คำนวนเองนะว่าหล่อนจะต้องยืนต้องเดินต้องวิ่งอะไรยังไง
ถ้ากล้ามเนื้อมันแกร่งกล้ามากก็เอาที่เธอว่าสวย
แต่เราซื้อของ บาจา ได้ยินมาว่ามันสบายที่สุด
แต่สบายยังไงก็เจ็บบบบบ แกรๆๆๆๆ



2. หน้า.

เราเห็นหลายคนมากมีตัวอย่างเยอะมากกก ที่จ้างช่างแต่งหน้าแล้วมันไม่ได้ดั่งใจ
ก็จะแนะนำแบบเวลาแต่งหน้าเจ้าสาว คือแกไปลองแต่งก่อนนะ
แล้วค่อยดูว่าโอเคมั้ยอะไรยังไง แล้วก็ถ่ายไว้ ให้เค้าทำตามนั้นวันจริง
ถือซะว่าเพื่อความชัวร์และมั่นใจว่าจะไม่โป๊ะ ไม่งั้นแก เสียเงินเสียเวลา เสียความรู้สึกด้วย

อีกอย่างคือ เห้ย มันไม่ต้องแต่งหน้าเข้มมากป่ะ
แค่รองพื้นแน่นๆให้หน้าเด้งทั้งวัน คิ้วนิดปากหน่อยตาบล็อกสวยๆ ก็น่าจะพอแล้วนะ
บางคนโห เจอวันรับปริญญานี่ทักไม่ถูก นี่ลืมชื่อไปเลย ๕๕๕๕

ยุคใหม่แล้ว เรามาแต่งหน้ากันเบาๆหน่อยเถอะ
เข้าใจว่ากลัวสู้คนอื่นไม่ได้ กลัวไม่สวย
แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นชะนีพาสเทล โบกกล้องฟรุ้งฟริ้งฟูจิxa2
(ปกติเราโคตรเบื่อเลยเวลาบอกว่าผู้หญิงจะต้องมาแต่งหน้าน้อยๆใสๆเนี่ย โอ๊ย รำ)

แต่เราว่านะหน้าซอฟต์ๆ แบบเป็นตัวเอง แค่ใส่ฟิลเตอร์พิมฐาซัก +2 น่าจะกำลังดี กับงานพิธีการแบบ ฟอร์มัลๆ นะ

เราเอารูปเมคอัพที่เราคิดว่าเป็นอันที่เราจะใช้มาแชร์นิดหน่อยๆ



เออ เห็นป่ะ ไม่ได้ใจร้ายขนาดจะบอกให้แกเลิกกรีดตาหรือทิ้งคนตาปลอม
แกอย่าเพิ่งมาตกใจโวยวายว่าแกจะไม่ยอมหน้าน้อยๆๆ
คือฉัน ฉันก็ทำไม่ได้เว้ยแก 
สำหรับฉันแล้ว ตาแมวนี่แบบ เป็นตัวเองยิ่งกว่าทุกสิ่ง จริงๆนะ ๕๕๕
ก็เอาพอดีๆนะเธอไม่ต้องหนามาก ผิวๆ เจอแดดก็คิดซะว่าให้มันแทนๆไป ๕๕๕ โกลว์ค่ะ โกลววว์

3. ผม

in contrary to popular belief, แม้จะขัดกับความเชื่อที่สืบต่อกันมาว่าควรจะเกล้าผม
เราเลือกจะที่จะปล่อยผมนะ

รับปริญญาต้องเปิดผมด้านซ้าย เพราะเป็นด้านที่จะถ่ายรูป
เราก็จะเปิดด้านซ้าย แต่เราคงไม่ทำ up do หรือเกล้าผม เพราะหนึ่ง ไม่เข้ากับหน้าน้องอย่างแรง


จากการนั่งเปิดรูปรุ่นพี่ปีก่อนๆดูเป็นสิบๆชั่วโมงแล้ว ๕๕๕ เห็นคนปล่อยผมเยอะเหมือนกัน
แล้วก็ดูดีด้วย น่ารักกันมากเลย
มีทั้งถักเปียเก็บผม ทวิสต์ผม เรากะจะปล่อยให้ช่างผมที่เราไว้ใจช่วยทำให้
ซึ่งทำผมก็เหมือนทำหน้า เพราะงั้นก็ควรลองกันก่อนนะคะว่าจะยังไง


5. Add-ons

ออพชั่นเสริมในที่นี้ คือพวกตัวบวกทั้งหลายที่ไม่ได้จำเป็นอะไรกะพิธีการเล้ย
แต่แก เราอยากเอามาถ่ายรูปอ่ะ ๕๕๕๕

แอดออนที่เราคิดว่าคงมีนะ คือ
 x มงกุฏดอกไม้ แอบใส่ตอนถ่ายรูปเล่นไม่ให้ใครเห็น ตามกฏจุฬาเค้าห้ามมีอะไรอยู่สูงกว่าพระเกี้ยว แต่เราก็ไม่ได้ใส่เยอะเนอะ ก็เนียนๆถ่ายโคลสอัพเอาดีมะ ๕๕๕๕
x แว่นกันแดด เลือกอันที่ใส่แล้วมั่นใจ ไม่ไหลลงหน้า ไม่บอบบาง และอย่าทำหาย!! ของหายวันนั้นเยอะมาก อย่าใช้ของแพงเลยแก๊
x ลิปแดง ๕๕๕๕ อันนี้สำหรับถ่ายรอบนอก เราโคตรรรรชอบบบบบบ คอมบิเนชั่นของชุดนิสิตกับปากแดงเลย มันเป็นอะไรที่แบบ โอ๊ยยย ชอบบบบบ ๕๕๕๕


พอดีได้ไปถ่ายรอบนอกมากับ @ancientday photography ขอเอามาลงนิดนึงนะ :))

version: เรียบร้อยยย์ พิมฐ๊าาา




version บัทเบบี้นาววีก็อด แบดดดดด บลัดดดดดด






------
photography credits:
https://www.facebook.com/AncientDayPhotoGrapher?fref=ts 
บริการเก็บภาพในมุมมองที่แปลกตา
Commencement day,Wedding,Pre Wedding,
Fashion,Products,FineArt,Portfolios,Event


------

อะเคค จบละ
ทั้งบล็อก ทั้งชีวิต ป.ตรี

ต่อไปก็ช่วยติดตามกันหน่อยนะค้าบบบบ :)) #babewears








Tuesday, May 19, 2015

021. whateveryouwear as NISIT. (part 1)


ฮายยยยยย

ก่อนที่เราจะออฟฟิเชียลลี่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี (ซึ่งจะรับปริญญาตุลานี้)
ตอนที่ความทรงจำเรายังชัด เราอยากพูดเรื่องการใส่ "ชุดนิสิต" หน่อย :))

เราจะข้ามผ่านดีเบททั้งหลายเรื่องชุดนิสิตไป

รวมถึงความคิดและความเชื่อที่มากับชุดด้วย
เช่น เป็นชุดพระราชทาน หรือเป็นชุดที่ไม่ควรนำมาใส่เป็นแฟชั่น

(คือ แก เราอยากสวย เราผิดหรอ
มันก็เป็นชุดที่เราต้องใส่ทุกวัน เราก็อยากดูดีนะ)

เราไม่ได้ใส่อะไรผิดระเบียบ มันอาจจะไม่ได้ดูเป็นนิสิตจ๋ามาก
คณะอื่นอาจจะไม่เป็น แค่เราเห็นถนนเรา (ถาปัตย์-สินกัม-อักษร) ก็ใส่กันแนวๆนี้นะ
ทำให้ดูไม่จำเจ แล้วเราก็ว่าน่ารักดี ไม่ได้ดูไม่เรียบร้อยตรงไหน

ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็รู้ตัวเสมอว่ามีหน้าที่เรียน อย่าดราม่ากันนะ

โพสต์นี้เรารวบรวมมาจากความทรงจำบนถนนสายศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ส่วนมากเป็นตัวเรากับเพื่อนๆ หรือคนที่เราเห็นแถวๆคณะ
ดูแล้วชอบใจก็อย่าไปบอกใครล่ะ ๕๕๕








1. FRESHY

ตอนเข้ามาปี 1 ทุกคนยังตื่นเต้นกับชุดนิสิต อ่ะ ถือซะว่าเป็นไกด์ในการเลือกชุดนิสิตละกัน

STYLE: ขี้เห่อ, ถูกระเบียบ
SHOP WHERE: ร้าน"มุมทอง" เค้าว่ากันว่าพีค






 เสื้อ.

ส่วนตัวเราชอบใส่เข้ารูป ตัวยาวๆหน่อย
มันจะได้ไม่โผล่ขึ้นมาง่ายเวลาใส่ในกระโปรง
(เสื้อนิสิตจุฬามีสาบหลังนะ)

อีกอย่างคือ เวลาเลือกเสื้อนิสิต ให้ดูที่ผ้า กับกระดุมเม็ดแรก
ระวังพวกที่คอลึกเกินไป หรือผ้าบาง สีไม่สวย (สีม่วงๆนึกออกมะ)
เกิดมาชีวิตนี้ไม่เคยใส่เสื้อทับ เลือกผ้าที่หนากำลังดีสบายกว่านะ

กระดุม.


บางคนโชคดี กระดุมโรงเรียนเป็นแบบนี้ เลยใส่เป็น ใส่เร็ว
เรากากมาก ใส่นานมาก และรำคาญมากๆๆๆๆ


B-Bug เป็นพลาสติกที่เอาไว้ใส่กระดุม เร็วกว่าห่วงๆที่เค้าให้มาเยอะ
บางคนก็ใช้เข็มกลัด ก็เร็วดีเหมือนกัน


กระโปรง.

เอวยืด = สบายกว่า ยืดไปตามกิน ๕๕๕
บางคนก็ชอบยืด บางคนก็ชอบแบบมีตะขอ

ระวังเรื่องเนื้อผ้า!!
หนาๆหรือมีซับใน จะบอกว่า "ร้อนมาก" ร้อนแทบตาย
แต่ถ้ารักจะใส่บาง เวลาขึ้นบีทีเอสหรือลมแรงๆนี่ เปิดจริงๆนะแก
ชั้นเคยมาริลีนมอนโรมาแล้วกลางใต้โถงคณะ ไม่ตลกนะ อายจริงๆ

เรื่องสี อักษรใส่สีกรมท่า แต่ถ้านิเทศปีหนึ่งต้องสีดำ
ใส่ตามคณะก็ดีนะมันดูรู้ดีว่าคณะอะไร

รองเท้า.


ปีหนึ่งจุฬาบังคับให้ใส่รองเท้าขาวสไตล์เปปเปอร์มินท์ 
แต่สารภาพว่า ตอนเราอยู่ปี 1 เราแทบไม่ใส่เลย (ใส่คัทชูสีขาวคู่อื่น)
หนึ่ง เพราะเปปเปอร์มินท์ขาดตลาดเร็วมาก
ใครอยู่ปีหนึ่ง พอผลออกปุ๊บไปซื้อเลยนะ ๕๕๕๕ 
พอมันขาดตลาดเราก็ได้มาแบบไซส์ไม่พอดี เลยไม่ชอบใส่ (มันใหญ่ไป)

บวกปีนั้นน้ำท่วมใหญ่ เราใส่ลุยน้ำสยามครั้งเดียว พังจ้า. บาย.
แต่เด็กดีต้องใส่นะ ๕๕๕๕














ทีนี้ มาถึงตัว OPTIONAL
นี่คือไอเท็มมุ้งมิ้งกิงก่องแก้วสารพัดที่เราเพิ่งมารู้จักตอนมหาลัย 

คือ "ตุ้งติ้ง" และ "ที่หนีบเข็มขัด"




ตุ้งติ้งมุ้งมิ้งมีขายตามสยาม สำเพ็ง ทำเองก็สวย ไปซื้อก็เก๋
ของมหาลัยก็มี แต่ถ้าเด็ดๆก็ต้องของคณะ เพราะแต่ละคณะจะไม่เหมือนกัน
ตอนปี 1 มีคนบอกว่า "สาวจุฬาที่ใส่ตุ้งติ้งแปลว่ามีแฟนแล้ว"
แต่มันไม่จริงนะ อย่าไปเชื่อ ๕๕๕๕๕

ส่วนตัวเราไม่ใส่ตุ้งติ้งเพราะรำคาญ
ที่หนีบเข็มขัดของเราเป็นแบบนี้ รูปกระต่ายน้อยยย <3



เพื่อนซื้อมาให้จากฮ่องกง

ที่สหกรณ์จุฬาขายที่หนีบเข็มขัดตัว "ฬ" ด้วย เห็นเด็กๆซื้อมาใส่กันเต็มเลย


2.  SOPHOMORE, JUNIOR, SENIOR




ณ จุดที่ขึ้นปี 2 เราตื่นเต้นมากกกกก
เพราะรู้ว่าเนี่ยใส่กระโปรงแบบไหนก็ได้แล้ว
ใจก็กะจะมิกซ์แอนด์แมตช์ในแต่ละวันให้สนุกไปเลย
ประหนึ่งนักเรียนไฮสคูลแบบเรื่อง Gossip Girl เอาให้เริ่ดด

ความเป็นจริง: ประมาณปี 2 ยังมีความตื่นเต้น พอปี 4 ก็เริ่มเลิกแต่งหน้าจ้า ๕๕๕


 THE BASIC.

กระโปรงสอบคู่ใจของทุกคน คิดว่าคงมีแตกต่างกันไป
สำหรับเราต้องผ้ายืดเท่านั้น
เคยใส่ไม่ยืดแล้วเดินไปคณะ จากผ่าหลังเธอวนมากลายเป็นผ่านหน้า
แนวกระดุมเราก็เบี้ยวไปถึงสีข้าง นี่ไม่โอเคเลยนะ

ซึ่งการเลือกกระโปรงสอบก็อยู่กับคณะแล้วก็กับร่างกายของเราด้วย
เราเห็นบางคณะชอบใส่เอวต่ำ แบบ ต่ำมากกก เราคงใส่ไม่ได้เพราะคงดูหลังยาวพิลึก ตัวแท่งๆ
ชอบใส่เอวสูงเพราะดูมีทรงดี ๕๕๕
และเลือกแบบมีซับในทำให้ไม่เห็น VPL หรือรอยกุงเกงใน (ระวังนะ!!)



THE FORMAL.


ปกติไม่ค่อยเห็นนิสิตที่ใส่สอบยาวถ้าไม่ได้มีงานพิธีอะไร
แต่เราชอบใส่นะเพราะใส่สบายดี
เห็นเพื่อนๆหลายคนในคณะก็ใส่มาเรียนปกตินี่แหละ
เหมาะกับคนมีทรวดทรงหน่อย ดูเป็นนาฬิกาทราย สวยดี

เวลาเราใส่ผ่าหลัง เราแทบจะกลายเป็นดินสอ หัวโตตัวเป็นแท่ง
เราเลยเลือกผ่าหน้าแทน ก็กลับให้ซิปมันมาอยู่ข้างหน้านี่แหละ ง่ายดี

บางคนกลัวว่าใส่แล้วตัวจะตันเพราะปิดข้อเท้า แนะนำให้หาคัตชูเสริมส้นเล็กๆซักนิ้วนึง 
แต่ถึงระลึกเสมอว่า ถ้าเธอเดินมาคณะ เธอก็ต้องเลือกรองเท้าที่เดินได้สิ
อย่าทำมั่นใส่ส้นมาเรียน ชั้นเคยแล้ว หน้าทิ่มตรงป้ายรถป๊อบ คิดว่าตลกมั้ย... 



THE PREPPY


หลังจบปีหนึ่งเราไม่ค่อยกลับไปแตะพลีต แต่มีไว้ก็ดีเพราะเรียบร้อยสุด
แถมช่วงนี้ค่อยข้างอิน ใส่จัมเปอร์ทับก็น่ารักละ
เราเลือกพลีตที่เข้ากับรูปร่าง คือตัวเป็นแท่งก็ใส่พวกจีบรอบตัวบานๆซะ
ยาวเท่าเข่าพอดีเด๊ะ ดูคุณหนูมาก ๕๕๕๕

เราเห็นช่วงนี้หลายคนเริ่มกลับมาใส่พลีตสั้นกว่าเข่าเล็กน้อยกันแล้ว
จริงๆเราก็ว่ามันดูน่ารักดีนะ แต่สั้นเป็นเซเลอร์มูนนี่ไม่โอเคนะ เพราะผ้ามันเบาม๊ากกก
เด็กจุฬาชอบใส่ยาวๆ เราว่ามันก็ดูจุฬาดีนะ แบบเรียบร้อยสไตล์ ๕๕๕



THE YANKEE



นึกภาพแก็งค์นักเลงสาวญี่ปุ่นในยุค 80s ออกมั้ย
กระโปรงยาวเท่าข้อเท้านี่แหละ ๕๕๕ ได้ลุคนั้นเลย เลือกทรงตรงๆ
เรียบร้อยแต่ก็ดูแบดๆ แถมเวลาสอบโคตรมีประโยชน์ นั่งยังไงก็ไม่โป๊ ๕๕

ข้อเสียคือ ร้อนมากกกกกก อบอ้าวมากกกกกกกกกก
นั่งเรียนแอร์เย็นๆไม่เท่าไหร่ เดินไปไหนมาไหนนี่โอ้โห๊วววว
อบไอน้ำกันเลยทีเดียว



เวลาเราใส่พลีตยาวเราจะใส่กับรองเท้าผ้าใบ กับเสื้อตัวใหญ่หน่อยให้มันดูลุย
อาจจะดูสินกำเล็กน้อย แต่เราชอบพวกเธอมากนะเราเลยทำตาม ๕๕๕
คือมัน practical มากกว่าจะใส่เสื้อฟิตๆกระโปรงรัดๆที่ใส่แล้วทำอะไรไม่ได้
วันไหนขยับตัวเยอะหน่อย นี่ก็เป็นลุคที่เราชอบมาก



เอาแค่นี้ก่อนนะ
เดี๋ยว entry หน้าเราจะแอบเอารูปมิกซ์ยูนิฟอร์มมาให้ชม
บวกวิธีมิกซ์แบบเลเวลอัพนะจ๊ะ !! xx



คำเตือน.

ชุดนิสิต ไม่ว่ายังไงก็คือชุดที่ใส่ไปเรียน
(ถึงจะเรียนแค่ชั่วโมงเดียวหรือบางทีก็สองชั่วโมงก็ตาม)
แต่มันเป็นชุดที่มีความหมายหลากหลายต่อคนหลายแบบ
ถึงจะแต่งแฟชั่นตามใจเราแต่การหักคะแนนมีอยู่จริงในจุฬา
นิสิตโปรดระวังตัว ไม่ก็วิ่งหนีให้มันเร็วๆแล้วบอกชื่อคณะอื่นไป ๕๕๕๕๕๕๕๕๕










Thursday, January 22, 2015

020. {BOY UP +1}


สวัสดี :)
วันนี้มาแปลกกว่าเดิมนิดหน่อย

เพราะมาเป็นรูปวาดไง :D


เรื่องของเรื่องอยู่ที่ว่า วันก่อนคุยกับเพื่อน
เพื่อนก็บอกว่า เราสองคนนี่เหมือนกันเนอะ ชอบขโมยของผู้ชายมาแต่ง
คือวันนั้นใส่ชุดนิสิต
แต่นอกจากชุดนิสิตแล้ว หัวจรดเท้าเป็นของใช้ผู้ชาย ๕๕๕
แจ็คเก็ตที่ซื้อมาจากฝั่งผู้ชาย
รองเท้าหน้าตาบอยๆ

เราก็เลยมาดูว่า เอ้อ จริงๆแล้วตัวเราเนี่ย แต่งตัวเป็นบอยลุคมาตั้งแต่ไหนแต่ไรละนะ
เกิดมาไม่เคยเลยที่จะใส่อะไรหวานๆโดยสมัครใจเนี่ย ๕๕๕
แล้วต่อให้แต่งตัวหวานยังไง ก็ต้องสรรหาไอเท็มมาบอยอัพให้ได้ทุกครั้ง

วันนี้เลยจะมาแบ่งปันไอเท็ม
ที่ใช้ในการ "บอย อัพ" ลุคของตัวเอง
เผื่อสาวๆจะสร้างสมดุล
บวกคะแนนบอยๆให้ตัวเองนะ :)



นี่คือลุคเบสิกของเบ๊บ
ถ้าใครมีเพจ whateverthename ก็ดูในอัลบั้ม #babewears ได้ ๕๕๕

เคยไว้ผมยาว แต่ยังไงก็ไม่ถูกใจเท่าผมสั้น
เรื่องผมไว้คราวหน้าละกัน ๕๕๕


เรามีแจ็คเก็ต 2 แบบ แบ่งตามนั้น:

     {DENIM JACKET RECOMMEND}     

1.  TOPSHOP: Moto denim jacket
เราชอบที่ไซส์มันกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป อีกอย่างของท็อปช็อปมันหนาดี อุ่น (เราขี้หนาว)
ฟอกสีเดนิมก็สวย แนะนำตัวสีอ่อนๆ ไม่ยาวไม่สั้นมาก
2. The Holy Mountain Shop
ขายในไอจี เห็นแล้วหลงรัก นี่เคยรีวิวไปแล้วรอบนึง ๕๕๕
น่ารักฟรุ้งฟริ้งมาก ถ้าใส่อะไรเบสิกๆ เจอนี่เข้าไปก็ใหญ่ดี ๕๕๕


นี่คือแจ็คเก็ตยีนส์แบบหนา
แบบบางๆ เราไม่มั่นใจว่าหาที่ไหนได้บ้าง
ตัวที่เราใส่อยู่ประจำนี่เราไปได้มาจากญี่ปุ่น 
จริงๆใช้พวกเสื้อเชิ้ตยีนส์ก็ได้นะ
♥          



นอกจากแจ็คเก็ต ที่ช่วยได้เยอะก็คือ HEADGEAR



เราโชคดี ที่แม่เราคลั่งไคล้ปานามามากกกกก
ที่บ้านเลยมีปานามาประมาณ 18 ใบ ทุกสีทุกไซส์
จะรออะไร เราก็ขโมยสิ ๕๕๕๕๕

ส่วนตัวชอบใส่ snapback อยู่แล้ว (because SWAG..)
เราจะมี new era อยู่ประมาณ 3-4 ใบ ส่วนมากเป็นสีดำ เทา
ชอบเวลา topshop men เอามา sale ๕๕๕๕ 

ส่วนบีนนี่ จะใส่ให้สาวหรือใส่ให้บอยก็ได้ 
ใส่แบบ slouch (คือหมวกเหี่ยวๆอ่ะ) มันดูแบ๊วๆไป
ประหนึ่งสาวเกาหลีน่าถนุถนอม แล้วคือมันไม่ใช่แนว ๕๕๕
หมวกผ้าหนาๆหน่อย ใส่ให้มันสูงๆ บอยกว่านะ

สุดท้ายคือพวกหมวกสไตล์คอนเพลย์
ไม่ว่าจะทหารหรือตำรวจ
นี่ คูลมากนะ ๕๕๕ เล่นใหญ่ดี
เราก็มีทุกแบบ ๕๕๕ 







ต่อ.. ๕๕๕
ยังไงซะ แจ็คเก็ตก็ boy up ได้ดีที่สุดจริงๆน่ะแหละ

ที่เด่นที่สุดคงเป็น blazer สี ดำ ขาว น้ำเงิน
เพราะสามสีนี้ ใส่แบบเรียบๆ ไซส์ไหนก็ได้ นี่หล่อหมด

เอาเป็น baseball style ดีกว่า ดู street กว่านะ



พวกนี้ซื้อแผนกผู้ชายก็ได้
เรามีตัวนึงเป็น knitted ของ W♥C 
น่ารักคอดด และใส่ง่ายมาก ใส่กะอะไรก็ดี 
ดู casual 



เราเป็นคนรักรองเท้าหน้าตาบอยๆมาก
มีเยอะมากกกกกกกกกกกก ก ก ก ก ก ก ก 
ทุกสีทุกแบบจริงๆ
คืออยากบอกว่ามันดี มันดีมาก ดีจริงๆนะแก ๕๕๕

ส่วน Sneakers เนี่ย
เราพยายามเลือกอันที่มันไม่ดูเป็นรองเท้าพละ
แต่เห็นเดี๋ยวนี้นันยางแม่งก็ฮิปได้
ใส่ตามที่ใจอยากเถอะ ๕๕๕๕

มีแบบ sporty มากๆ กับแบบที่ดู casual หน้าตาคอนเวิร์ส
ถ้าถามเรา Nike น่ารักสุด (เรียกว่าน่ารักแม้จะหล่อ) รุ่นโปรดคือ Cortez
แต่ผู้หญิงใส่ air force 1 ก็เท่นะ เราชอบ



สุดท้าย คือกระเป๋า
จริงๆถ้าไม่มีกระเป๋าแมนๆ
กระเป๋าหนังใบเล็กๆสะพายข้างก็ดูเข้ากับลุคบอยๆแล้ว ไม่ต้องคิดมาก

จบแล้ว ๕๕๕



เดี๋ยววันหลังจะหา key piece มาให้อีกนะ
รวมถึงวิธีช็อปปิ้งในแผนกผู้ชายด้วย

Boy เล็ก Boy น้อย
ขอให้ทุกคน Boy อย่างสนุกสนานค่ะ

{babe bunnag}



Wednesday, December 24, 2014

019. spontaneous day with the girls



ปิด
เทอม

ล๊าววววววว~~~ <3

ปิดเทอมสุดท้ายในชีวิต :)
ปิดตั้งแต่ 13 ธค. ถึง 5 มค.
เป็น winter break สุดท้าย

จะทำแต่สิ่งที่ชอบ!
เที่ยว เที่ยว กิน กิน เขียนบล็อก อัดวีดีโอ
จะไม่บังคับอะไรตัวเองซักอย่างเลย!!!


เมื่อวันที่ 22 ก็นัดเจอสาวๆ
กิน late lunch (ป่าวหรอก พอดีตื่นสาย) ที่ Paul สวยๆ
แล้วก็ไปรอประอาทิตย์ตกที่ Amorosa