Saturday, November 1, 2014

015. the love that last [01]



เราตัดสินใจจะเขียนถึงสิ่งน้ี ที่เราไปมาเมื่อปีที่แล้ว

ปี 2013 เราไปญี่ปุ่นกับที่บริษัทแม่ เป็นทริปเล็กๆ
แล้วพอดี มีโอกาสได้ไป Mori Art Museum เพราะแม่เป็นแฟนเกิร์ลของ Kusama Yayoi
พอรู้ว่ามัน exhibition อันนี้ เลยตัดสินใจไปกันหมดทุกคน

เราไม่ได้รู้อะไรเรื่องงานนี้มาก่อน ไม่ได้ expect อะไรด้วย
เราไม่คิดเลยว่า เราจะเดินเข้าไปเจออะไรที่มันจะติดตัวเราไปขนาดนี้

หมายเหตุ: นี่เป็นเอนทรี่ย์จากความทรงจำ มันคงมีการบิดเบือน เพราะผ่านมาเกินปีนึงแล้ว อย่าไปใส่ใจ ๕๕๕ และ "รูปทั้งหมด เอามาจากกูเกิ้ล บางภาพอาจไม่ใช่ภาพผลงานจริง และขออนุญาตใช้ภาพไว้ ณ ที่นี้ด้วย"

คร่าวๆก่อนว่า Mori Art Museum ป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ที่รปปงงิ ฮิลส์ และปี 2013 ที่ผ่านมานี้ก็ครบรอบ 10 ปีพอดี ก็เลยมี exhibition พิเศษที่ชื่อว่า 

[LOVE展] All You Need Is Love: From Chagal to Kusama to Hatsune Miku


ตัวคอนเซปต์ของงานจะหยิบยกแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในทุกยุคทุกสมัยมา นั่นก็คือ 
"ความรัก" โดยจะพูดถึงทั้งความรักโรแมนติกระหว่างชายหญิง ความรักในครอบครัว และความรักต่อมนุษยชาติ รวมไปถึงอารมณ์ที่เกิดมาจากความรัก และเป็นการมองความรักในหลายๆแง่

ตัวงานจะแบ่งออกเป็น 5 ข้อย่อยด้วยกัน:
What Is Love? 
A Couple in Love
Love in Losing
Family and Love
Love Beyond

โดยรวมผลงานกว่า 200 ชิ้นของศิลปินมากมาย ทั้งผลงานคลาสสิกต่างๆจนถึงงานของศิลปินหน้าใหม่ 

เราจะขอพูดถึงแค่ผลงานที่มันประทับฝังอยู่ในจิตใจของเราละกันนะ

ห้องแรกที่เราเดินเข้าไป คือห้อง What is Love?
เราพบกับ sculpture ขนาดใหญ่ของ Jeff Koons เป็นรูปช็อกโกแล็ตหัวใจห่อในกระดาษฟอยล์สีทองตั้งอยู่กลางห้อง ชื่อผลงานว่า Sacred Heart
เป็นการพูดถึงความรักปัจจุบันที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสังคมทุนนิยม
เราจ้องผลงานชิ้นนั้น และในกระดาษฟอยล์สีทองจำลองนั้นเรามองเห็นแค่ใบหน้าของตัวเอง และไม่เห็นใจใดๆทั้งนั้น
เกิดคำถามกับตัวเองในตอนนั้นว่า หรือความจริงใจทุกวันนี้ต้องห่อไว้ด้วยกระดาษทองปิดไว้ไม่ให้ใครดูรึเปล่า เป็น conspicuous love รึเปล่า สะท้อนแต่สิ่งที่อยากให้เห็นไม่ใช่จิตใจข้างในจริงๆรึเปล่า?
(ขี้มโนสมเป็นเด็กอักษรรึเปล่า? ๕๕)





อีกด้านของห้องเป็นแคนวาสรูปหัวใจสีชมพูพาสเทลสดใส ประดับด้วยผีเสื้อ ผลงานของ Damien Hirst ซึ่งโดดเด่นด้านการสร้างผลงานที่มีธีมหลักเป็น "ความตาย"
มองไปก็เป็นภาพที่น่ารักสวยงาม แต่พอดูใกล้ๆแล้ว ผีเสื้อที่ติดอยู่บนแคนวาสนั้น คือผีเสื้อจริงๆไม่ใช่ภาพวาดหรือของจำลอง เป็นสิ่งที่เคยมีชีวิต ดูเป็นความจริงที่โหดร้ายและทารุณ ว่าผีเสื้อต้องตายเพื่อแลกมาซึ่งงานศิลปะและความรัก

งานชิ้นนี้ถูกใจเรามากเป็นพิเศษจนต้องซื้อโปสการ์ดกลับมา เราไม่รู้ทำไมแต่เราถูกใจมากจริงๆ ทั้งโครงหัวใจ ทั้งเฉดสีของสีชมพู ความเป็นโศกนาฏกรรม และความตาย โปสการ์ดนี้ติดอยู่บนอาร์ตวอลล์ของห้องนอนเราทุกวันนี้ นายเจ๋งจริงๆ Damien Hirst

ถัดมานิดนึงเป็นผลงานของ Nishiyama Minako ที่เป็นแบบจำลองขนาดเท่าคนจริงของห้องนอนในบ้านตุ๊กตาริกะจัง และคำถามที่ว่าทำไมห้องนอนของบ้านตุ๊กตาที่เป็นของเล่นของเด็กผู้หญิงนั้น ถึงมีความคล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออกกับ "เลิฟโฮเทล" ของญี่ปุ่นขนาดนี้?
หรือจะเป็น myth ที่แทรกไว้โดยไม่รู้ตัว ว่าด้วยเรื่องของความรัก เซ็กซ์ และบทบาทของผู้หญิงในสังคม

อีกอย่างที่มันตราตรึงใจเรามากที่สุดในงานนั้น ในวันนั้น ในทริปนั้น และแม้แต่ในตอนนี้
คือ งานของ Sawanayagi Hideyuki

เป็นห้องสี่เหลี่ยมมืดสนิท ให้เราเดินเข้าไป บนจอมีโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายวนไปวนมา
และบอกกับเราว่า "ในอีก 30 วินาที คุณจะถูกความรักครอบงำ"
ในโลกสีดำเล็กๆมีเพียงตัวหนังสือสีขาวตรงหน้าที่นับถอยหลังไปเรื่อยๆ
30..29...28... จนถึง
3..2..1..
ทันใดนั้น ก็มีแฟลชคำว่า LOVE ขึ้นกลางจอ เป็นสีขาวสว่างเพียงเสี้ยววินาทีเดียว



แต่พอเดินออกมาจากห้อง ด้วยปฏิกิริยาที่แสงทำกับดวงตา
ไม่ว่างจะมองไปทางไหน คำว่า LOVE ก็ยังฝังแน่นและแฝงตัว ติดอยู่ในตาเราไปหลายวินาที

เราคิดว่าเป็นการจำลองการตกหลุมรักที่ accurate มากที่สุดที่เราเคยเจอในชีวิต
ทุกวันนี้คำว่า LOVE สีขาวคำนั้นจากห้องสีดำนั้นก็ยังคงเป็นประสบการณ์ที่เราฝังใจมากที่สุดเลย


entry หน้าจะพาย้อนรอยอีกรอบในห้องอื่นๆต่อไปนะคะ  :)
ไว้เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ

No comments:

Post a Comment